1.ไดโอดกำลัง
จะมีพิกัดกระแสและแรงดันสูงกว่าในงานอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป
ซึ่งจะมีพิกัดกระแสตั้งแต่ 1 A ถึง หลายพันแอมป์
ชนิดของไดโอด
1.1ไดโอดทั่วไป (General Purpose)
มีพิแรงดันและกระแสสูงสุด 6000 V 4500
A ใช้ในวงจรเรียงกระแส
ในงานความถี่ไม่สูงมาก
1.2 ไดโอดฟื้นตัวเร็ว(Fast Recovery)
มีพิแรงดันและกระแสสูงสุด 6000 V 1100
A เหมาะกับงานความถี่สูง
วงจรสวิตซ์ชิ่ง วงจรอินเวอร์เตอร์
1.3 ชอตกี้ไดโอด (Schottky)
มีพิแรงดันและกระแสสูงสุด 100 V 300 A
ใช้เวลาฟื้นตัวน้อย เหมาะกับงานความถี่สูงมาก
2.ไทริสเตอร์แบบ เอสซีอาร์ (SCR)
เมื่อจ่ายแรงดันบวกให้ขาแอโนด และ จ่ายแรงดันลบให้ขาแคโถด SCR จะยังไม่นำกระแสจนกว่าจะจ่ายแรงดันให้ขาเกท
เมื่อมีสัญญาณมาทริกที่ขาเกท จะทำให้ SCR นำกระแสได้ และแม้ว่าจะหยุดจ่ายกระแสที่ขาเกทแล้ว
หากกระแสที่ไหลผ่าน SCR มากกว่า กระแสแลตชิ่ง (Latching) SCR จะยังคงทำงานอยู่
3.ไทริสเตอร์แบบ เกทเทอร์นออฟ (GTO)
จะเหมือนแบบ SCR คือเมื่อนำกระแสแล้วจะรักษาสภาพการนำกระแสแม้จะหยุดจ่ายกระแสให้ขาเกทแล้ว
แต่จะสามารถหยุดนำกระแสได้เมื่อป้อนกระแสไฟฟ้าลบให้ขาเกท
มีพิแรงดันและกระแสสูงสุด 6000 V 6000
A
4.ไทริสเตอร์แบบ ไตรแอค (Triac)
สามารถนำกระแสได้ 2 ทางเหมือนการนำ SCR 2 ตัวมาต่อขนานกันแบบกลับขั้วกัน
แต่ขาเกทจะต่อรวมกัน สามารถใช้ได้ทั้งวงจรไฟฟ้ากระแสตรงและกระแสสลับ
5.ทรานซิสเตอร์กำลังแบบ มอสเฟท (MOSFET)
โดยเมื่อต้องการให้มอสเฟทนำกระแส จะต้องป้อนแรงดันไฟฟ้าเข้าที่ขาเกท
ซึ่งความต้านทานระหว่างขาเดรนกับขาซอส ขึ้นอยู่กับพิกัดแรงดันไฟฟ้า
มอสเฟทมีพิกัดแรงดันมากกว่า 1000 V และพิกัดกระแส
100 A จุดเด่นคือมีความถี่ในการสวิตซ์ชิ่งสูง
6.ทรานซิสเตอร์กำลังแบบ ไอจีบีที (IGBT)
ควบคุมการนำกระแสและหยุดนำกระแสโดยการควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่ขาเกท
ค่าอิมพีแดนซ์สูงเหมือนมอสเฟทกำลัง ทำให้ใช้พลังงานน้อย ทำงานได้ที่ความถี่สูงรองจากมอสเฟท